เขียนจดหมายภาษาทางการให้โปร เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง

เขียนจดหมายภาษาทางการให้โปร เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง

ThaiProofAI

เมื่อเขียนจดหมายถึงเจ้านาย ลูกค้า หรือหน่วยงานราชการ แล้วรู้สึกเกร็งๆ ไม่รู้จะเริ่มยังไง? ภาษาทางการก็ดูจะซับซ้อนไปหมด แต่ไม่ต้องกังวลไปครับ! วันนี้เราจะมาเจาะลึก "เทคนิคการเขียนจดหมายภาษาทางการ" ที่ไม่ยากอย่างที่คิด เราจะมาดูกันว่ามีหลักการอะไรบ้างที่ทำให้จดหมายของคุณดูน่าเชื่อถือและเป็นมืออาชีพมากขึ้น รับรองว่าอ่านจบแล้วจะเขียนจดหมายได้คล่องปร๋อจนใครๆ ก็ต้องทึ่ง!

สารบัญเนื้อหา

  1. ทำความเข้าใจ "ภาษาทางการ"
    • ทำไมต้องเขียนแบบทางการ?
    • ความแตกต่างระหว่างภาษาพูดกับภาษาเขียน
  2. โครงสร้างสำคัญของจดหมายภาษาทางการ
    • ส่วนหัว: ข้อมูลที่จำเป็นต้องมี
    • ส่วนเนื้อหา: จัดเรียงยังไงให้ชัดเจน
    • ส่วนท้าย: ปิดท้ายอย่างมืออาชีพ
  3. เจาะลึก: คำศัพท์และสำนวนที่ควรใช้
    • คำที่ใช้เปิดและปิดจดหมาย
    • คำสรรพนามที่เหมาะสม
    • คำที่แสดงความสุภาพและให้เกียรติ
  4. เจาะลึก: คำศัพท์ที่ควรหลีกเลี่ยง
    • คำศัพท์ในชีวิตประจำวัน (คำสแลง)
    • คำที่สื่อความหมายคลุมเครือ
    • การใช้คำที่แสดงอารมณ์ส่วนตัว
  5. ตัวอย่างการเขียนจริง: จากเรื่องง่ายๆ สู่เรื่องซับซ้อน
    • จดหมายขอความร่วมมือ
    • จดหมายแจ้งข่าว
    • จดหมายขอบคุณ
  6. บทสรุป: ฝึกฝนจนคล่องแคล่ว

1. ทำความเข้าใจ "ภาษาทางการ"

ก่อนที่เราจะไปดูเทคนิคการเขียน เราต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า "ภาษาทางการ" คืออะไรและทำไมเราถึงต้องใช้มันในการเขียนจดหมาย

  • ทำไมต้องเขียนแบบทางการ? การเขียนจดหมายแบบทางการมีจุดประสงค์หลักเพื่อ สร้างความน่าเชื่อถือและความเป็นมืออาชีพ ภาษาที่ใช้จะช่วยสื่อสารให้ผู้รับรู้สึกว่าคุณมีความจริงจัง เคารพ และให้เกียรติพวกเขา นอกจากนี้ ภาษาทางการยังช่วยให้เนื้อหาในจดหมายมีความชัดเจน ตรงไปตรงมา และไม่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด การใช้ภาษาที่เป็นทางการจึงเป็นเหมือนการแต่งกายที่เหมาะสมกับงาน เพื่อให้งานเขียนของคุณดูดีและมีประสิทธิภาพสูงสุด
  • ความแตกต่างระหว่างภาษาพูดกับภาษาเขียน: ภาษาพูดที่เราใช้ในชีวิตประจำวันมีความยืดหยุ่นสูง เราสามารถใช้คำสแลง คำย่อ หรือคำที่แสดงอารมณ์ส่วนตัวได้เต็มที่ แต่ในงานเขียนที่เป็นทางการ เราต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะการเขียนแตกต่างจากการพูดตรงที่เราไม่สามารถใช้เสียงหรือสีหน้าเพื่อสื่ออารมณ์ได้ ดังนั้น ทุกคำที่เราเลือกใช้ต้องสื่อความหมายได้อย่างชัดเจนและเหมาะสมที่สุด

2. โครงสร้างสำคัญของจดหมายภาษาทางการ

จดหมายภาษาทางการที่ดีควรมีโครงสร้างที่ชัดเจนและเป็นระเบียบ ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 3 ส่วนหลักๆ ดังนี้

  • ส่วนหัว: เป็นส่วนที่อยู่บนสุดของจดหมายและมีข้อมูลที่สำคัญครบถ้วนเพื่อระบุที่มาที่ไปของจดหมาย
    • ที่อยู่ผู้ส่ง: ชื่อ-นามสกุล, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล ควรจัดให้อยู่มุมซ้ายหรือมุมขวาบน
    • วันที่: ระบุวันที่เขียนจดหมายให้ชัดเจน เช่น "18 กันยายน 2568"
    • ที่อยู่ผู้รับ: ชื่อตำแหน่ง, ชื่อหน่วยงาน, ที่อยู่ ควรจัดให้อยู่ถัดลงมาจากวันที่
    • เรื่อง: หัวข้อของจดหมายควรสั้น กระชับ และตรงประเด็นที่สุด เช่น "ขอความอนุเคราะห์", "แจ้งเรื่องการประชุม"
    • เรียน: ใช้คำว่า "เรียน" ตามด้วยชื่อ-นามสกุล หรือตำแหน่งของผู้รับ เช่น "เรียน ผู้จัดการฝ่ายบุคคล"
  • ส่วนเนื้อหา: เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของจดหมาย ควรแบ่งเป็นย่อหน้าเพื่อให้อ่านง่ายและเข้าใจได้
    • ย่อหน้าแรก: เป็นการเกริ่นนำหรือแนะนำตัวว่าเราคือใคร และมีจุดประสงค์อะไรในการเขียนจดหมายฉบับนี้
    • ย่อหน้ากลาง: เป็นส่วนของรายละเอียดหรือประเด็นหลักที่ต้องการสื่อสาร ควรเขียนให้ชัดเจนและตรงไปตรงมา
    • ย่อหน้าสุดท้าย: เป็นการสรุปเนื้อหาและบอกความคาดหวังหรือสิ่งที่ต้องการให้ผู้รับดำเนินการต่อไป
  • ส่วนท้าย: เป็นส่วนที่ใช้ปิดท้ายจดหมายอย่างสุภาพ
    • คำลงท้าย: ใช้คำว่า "ขอแสดงความนับถือ" หรือ "ด้วยความเคารพอย่างสูง"
    • ลายเซ็น: เซ็นชื่อจริง
    • ชื่อเต็ม: พิมพ์ชื่อ-นามสกุลเต็มใต้ลายเซ็น
    • ตำแหน่ง (ถ้ามี): ระบุตำแหน่งหรือชื่อหน่วยงาน

3. เจาะลึก: คำศัพท์และสำนวนที่ควรใช้

การเลือกใช้คำศัพท์ที่เหมาะสมเป็นหัวใจสำคัญของการเขียนจดหมายภาษาทางการ เราจะมาดูกันว่ามีคำไหนบ้างที่ควรใช้

  • คำที่ใช้เปิดและปิดจดหมาย:
    • เปิด: "ตามที่", "เนื่องจาก", "ด้วยเหตุที่", "สืบเนื่องจาก" คำเหล่านี้ช่วยให้การเริ่มต้นจดหมายดูเป็นทางการและมีที่มาที่ไปที่ชัดเจน
    • ปิด: "จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา", "จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ", "จึงเรียนมาเพื่อโปรดดำเนินการ" คำเหล่านี้ช่วยให้การปิดท้ายจดหมายดูเป็นมืออาชีพและสื่อสารจุดประสงค์ได้อย่างชัดเจน
  • คำสรรพนามที่เหมาะสม:
    • ผู้เขียน (ตัวเอง): ควรใช้คำว่า "ข้าพเจ้า" หรือ "ผู้เขียน"
    • ผู้รับ: ควรใช้คำว่า "ท่าน", "ท่านผู้มีเกียรติ", "ท่านผู้บริหาร"
  • คำที่แสดงความสุภาพและให้เกียรติ:
    • ขอให้: ใช้คำว่า "ขอเรียนเชิญ", "ขอความอนุเคราะห์", "ขอความร่วมมือ"
    • เห็นด้วย: ใช้คำว่า "เห็นควร", "เห็นสมควร", "เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง"
    • อยากให้: ใช้คำว่า "ประสงค์จะ", "ใคร่ขอ", "ใคร่ขอความกรุณา"
    • ต้อง: ใช้คำว่า "จำเป็นต้อง", "มีความประสงค์"

4. เจาะลึก: คำศัพท์ที่ควรหลีกเลี่ยง

ในทางกลับกัน ก็มีคำบางคำที่เราควรหลีกเลี่ยงในการเขียนจดหมายภาษาทางการ เพื่อไม่ให้งานเขียนของเราดูไม่เป็นมืออาชีพ

  • คำศัพท์ในชีวิตประจำวัน (คำสแลง): คำเหล่านี้เหมาะสำหรับภาษาพูดมากกว่าภาษาเขียน เช่น "โคตร", "เจ๋ง", "ปัง", "จิกกัด" การนำมาใช้ในจดหมายทางการจะทำให้เนื้อหาดูไม่น่าเชื่อถือ
  • คำที่สื่อความหมายคลุมเครือ: คำเหล่านี้ทำให้ผู้อ่านไม่มั่นใจในข้อมูลที่คุณนำเสนอ เช่น "ค่อนข้าง", "ประมาณ", "ส่วนใหญ่" ควรระบุข้อมูลที่เจาะจงและชัดเจนไปเลย
  • การใช้คำที่แสดงอารมณ์ส่วนตัว: จดหมายทางการควรมีความเป็นกลางและเป็นวัตถุวิสัย คำที่แสดงอารมณ์ส่วนตัว เช่น "น่าเสียดาย", "ดีใจมาก", "รู้สึกผิดหวัง" จึงไม่ควรใช้ ยกเว้นในกรณีที่เป็นการเขียนจดหมายส่วนตัวหรือจดหมายแสดงความยินดี
  • คำที่ใช้ในการพูดแต่ไม่เหมาะกับการเขียน: คำเหล่านี้ทำให้ประโยคไม่กระชับและไม่เป็นทางการ เช่น "อะไรทำนองนั้น", "อะไรแบบนี้" หรือการใช้คำซ้ำซ้อน เช่น "ร่วมกันทั้งสองฝ่าย"

5. ตัวอย่างการเขียนจริง

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น เราจะมาดูตัวอย่างการเขียนจดหมายภาษาทางการในสถานการณ์ต่างๆ

  • จดหมายขอความร่วมมือ:
    • เรื่อง: ขอความร่วมมือในการเข้าร่วมกิจกรรม
    • เรียน: ผู้จัดการฝ่ายบุคคล
    • เนื้อหา: "ตามที่บริษัทของเราได้จัดกิจกรรมเพื่อสังคมขึ้นในวันที่... จึงใคร่ขอความอนุเคราะห์จากท่านในการเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว..."
  • จดหมายแจ้งข่าว:
    • เรื่อง: แจ้งเรื่องการประชุม
    • เรียน: ผู้บริหารทุกท่าน
    • เนื้อหา: "เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องกำหนดการประชุม จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบว่าการประชุมจะเลื่อนไปจัดในวันที่..."
  • จดหมายขอบคุณ:
    • เรื่อง: ขอแสดงความขอบคุณ
    • เรียน: คุณ...
    • เนื้อหา: "ตามที่ท่านได้ให้การสนับสนุนโครงการของเราเป็นอย่างดี ข้าพเจ้าจึงขอแสดงความขอบคุณเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้..."

ฝึกฝนจนคล่องแคล่ว

การเขียนจดหมายภาษาทางการไม่ใช่เรื่องยาก หากเราเข้าใจหลักการและฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการ ฝึกสังเกต คำที่เรามักใช้ผิด และ หาคำที่เหมาะสมมาใช้แทน การใช้ภาษาที่ถูกต้อง ไม่เพียงแต่จะช่วยให้งานเขียนของคุณดูดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยให้คุณสามารถสื่อสารข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดโอกาสที่จะเกิดความเข้าใจผิด และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตัวคุณเองและองค์กร

การฝึกฝนเป็นกุญแจสำคัญ เริ่มจากการอ่านจดหมายที่เป็นทางการที่ดีๆ บ่อยๆ และลองเขียนเองดู เมื่อคุ้นชินแล้ว การใช้ภาษาที่ถูกต้องในงานที่เป็นทางการก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ และนั่นจะทำให้คุณเป็นนักสื่อสารที่น่าเชื่อถือในทุกสถานการณ์

ADVERTISEMENT
1
36

บทความแนะนำ

ประกาศผลสอบท้องถิ่น 2568 เช็คด่วน!
ประกาศผลสอบท้องถิ่น 2568 เช็คด่วน!
2 ธันวาคม 2568

ประกาศผลสอบท้องถิ่น 2568 เช็คด่วน ข่าวการเปิดสอบท้องถิ่นประจำปี 2568 ทั่วประเทศ ประกาศผลสอบท้องถิ่น 2568 เช็คด่วน ขณะนี้ยังไม่ประกาสผล ประกาศผลสอบท้อง...

อ่านต่อ
ประวัติศาสตร์ภาษาไทย ตั้งแต่สมัยโบราณ
ประวัติศาสตร์ภาษาไทย ตั้งแต่สมัยโบราณ
1 ธันวาคม 2568

สวัสดีครับทุกคน! วันนี้ผมจะมาแชร์เรื่องราวที่ผมหลงใหลมาตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรี จนกระทั่งได้คลุกคลีทำงานด้านภาษาศาสตร์และอนุรักษ์เอกสารโบราณมาเกือบสิ...

อ่านต่อ
Thaiproofai เครื่องมือเช็คคำผิดภาษาไทยที่ทำให้คุณเขียนเหมือนมี "มืออาชีพ"
Thaiproofai เครื่องมือเช็คคำผิดภาษาไทยที่ทำให้คุณเขียนเหมือนมี "มืออาชีพ"
28 พฤศจิกายน 2568

เคยไหม? พิมพ์งานยาวๆ เป็นหน้าๆ เสร็จแล้วส่งอาจารย์หรือส่งเจ้านายไป แล้วดันมีคนจับคำผิดได้แบบน่าอาย! หรือบางทีเราก็มั่นใจว่าพิมพ์ถูกทุกตัวอักษร แต่พอส...

อ่านต่อ
 เทคโนโลยี AI ปี 2026: มันไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่มันคือ “ผู้ร่วมทีม” ตัวจริง!
เทคโนโลยี AI ปี 2026: มันไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่มันคือ “ผู้ร่วมทีม” ตัวจริง!
26 พฤศจิกายน 2568

เคยไหม? นั่งอ่านข่าว AI แล้วรู้สึกว่ามันไกลตัวเหลือเกิน... ขอบอกเลยว่าอีกไม่เกินปี 2026 นี้ AI จะกลายเป็นเหมือน "อากาศ" ที่เราหายใจเข้าไปโดยไม่รู้ตัว!...

อ่านต่อ