ล้วงลึก 4 สเต็ป "คำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" ฉบับอ่านจบยื่นเป็นทันที

ล้วงลึก 4 สเต็ป "คำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" ฉบับอ่านจบยื่นเป็นทันที

ThaiProofAI

โอ๊ย! มาอีกแล้ว! ไอ้เจ้า "ฤดูยื่นภาษี" ที่เวียนมาบรรจบทีไร หัวใจก็สั่นสะท้านเหมือนเจอผี! หลายคนมองว่าการคำนวณภาษีเป็น "บอสใหญ่ด่านสุดท้าย" ของชีวิตวัยทำงาน ที่เต็มไปด้วยสูตรคำนวณยั้วเยี้ย ตัวเลขยุบยับ และศัพท์แสงที่เหมือนหลุดมาจากอีกมิติ "เงินได้สุทธิ" "หัก ณ ที่จ่าย" "ลดหย่อน" นี่มันอะไรกันวะเนี่ย!? รู้ตัวอีกทีก็คือกด "ยอมรับ" ในเว็บสรรพากรไปแบบงงๆ แล้วก็นั่งลุ้นว่าจะโดนเรียกคืน หรือจะได้เงินคืนกันแน่

ล้วงลึก 4 สเต็ป "คำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" ฉบับอ่านจบยื่นเป็นทันที

วันนี้ Thaiproofai จะมาฉีกทุกตำราภาษีที่เคยอ่านแล้วหลับคาโต๊ะ มาย่อยเรื่องที่โคตรจะน่าเบื่อ ให้กลายเป็นเรื่องโคตรจะ "กล้วยๆ" ในบทความนี้ เราจะมา "คำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แบบง่ายๆ ใครก็ทำได้" สัญญาเลยว่าอ่านจบแล้ว คุณจะมองการยื่นภาษีเป็นแค่เกมเศรษฐีด่านหนึ่งเท่านั้น... ด่านที่ถ้าเล่นเป็น ก็ได้เงินคืนจุกๆ อะ!

ล้วงลึก 4 สเต็ป "คำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" ฉบับอ่านจบยื่นเป็นทันที

เราจะมาแฉทุกซอกทุกมุมของระบบภาษี ตั้งแต่ "เงินเดือนฉัน ทำไมโดนหักเยอะจัง?" ไปจนถึง "ขายของออนไลน์ ต้องยื่นยังไงไม่ให้โดนสรรพากรเพ่งเล็ง?" เราจะเปลี่ยนศัพท์เทคนิคยากๆ อย่าง "เงินได้พึงประเมิน" "ค่าลดหย่อน" ให้เป็นภาษาคนคุยกัน ลืมภาพจำเก่าๆ ที่ว่าภาษีเป็นเรื่องของผู้ใหญ่หรือนักบัญชีไปได้เลย เพราะยุคนี้... ใครมีรายได้ คนนั้นต้องรอด! เตรียมปากกา (หรือแค่เปิด-ปิดเปลือกตาก็ได้) แล้วไปลุยกันเลย!


ล้วงลึก 4 สเต็ป "คำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" ฉบับอ่านจบยื่นเป็นทันที

ล้วงลึก 4 สเต็ป "คำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" ฉบับอ่านจบยื่นเป็นทันที

: เริ่มต้นที่ "มายด์เซ็ต" – ภาษีไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่เป็น "เกม" ที่เราต้องเล่นให้ชนะ

ก่อนจะไปดูสูตรคำนวณ เรามาจูนสมองกันก่อนครับ หลายคนกลัวสรรพากรยิ่งกว่ากลัวแฟนจับได้ว่าแอบซื้อของ! ความจริงคือ ภาษีคือ "หน้าที่" ของพลเมืองตาดำๆ ที่มีรายได้ทุกคน เงินที่เราจ่ายไปก็ย้อนกลับมาเป็นถนนหนทาง โรงพยาบาล หรือ... (เติมคำในช่องว่างเอาเอง)

แต่ประเด็นคือ รัฐบาลเขาก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น เขาเปิด "ช่อง" หรือ "ตัวช่วย" ให้เราเยอะมาก ที่เรียกว่า "ค่าลดหย่อน" มันเหมือนเกม RPG เลยครับ เรามีรายได้ (พลังโจมตี) เรามีค่าใช้จ่าย (โดนบอสตบ) แต่เราก็มีไอเทมเสริม (ค่าลดหย่อน) เพื่อทำให้เราจ่ายน้อยลง

ล้วงลึก 4 สเต็ป "คำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" ฉบับอ่านจบยื่นเป็นทันที

ล้วงลึก 4 สเต็ป "คำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" ฉบับอ่านจบยื่นเป็นทันที

หน้าที่ของเรามีแค่ 2 อย่าง:

  1. ซื่อสัตย์: รายได้มีเท่าไหร่ บอกเขาไปให้หมด (อย่าคิดว่าเขาไม่รู้นะ! ยุคนี้ข้อมูลมันวิ่งไวกว่า 5G)
  2. ฉลาด: หา "ไอเทม" หรือ "ค่าลดหย่อน" ที่เรามีสิทธิ์ใช้ มาใช้ให้ครบทุกเม็ด!

ใครต้องยื่นภาษีบ้าง? สั้นๆ ง่ายๆ: "คนที่มีเงินได้" ครับ

  • มนุษย์โสด: ถ้ามีเงินได้ (แม้แต่เงินเดือนอย่างเดียว) เกิน 120,000 บาทต่อปี (เฉลี่ยเดือนละ 10,000) คุณต้อง "ยื่น" แล้วนะ (ยื่น ไม่ได้แปลว่าต้อง "เสีย" นะครับ บางทีรายได้เท่านี้ ยื่นแล้วได้ 0 บาท)
  • มนุษย์มีคู่ (จดทะเบียน): ถ้ารวมกับคู่สมรสแล้วมีเงินได้เกิน 220,000 บาทต่อปี ก็ต้องยื่นครับ
  • พ่อค้าแม่ค้า/ฟรีแลนซ์/อื่นๆ (ที่ไม่ใช่เงินเดือน): ถ้ามีเงินได้ประเภทอื่น (ที่เราจะคุยกัน) เกิน 60,000 บาทต่อปี... ใช่ครับ หกหมื่น! (เฉลี่ยเดือนละ 5,000) ก็ต้องยื่นแล้วเด้อ!

ยื่นเมื่อไหร่? (Deadline คือชีวิต) สำหรับรายได้ที่เกิดขึ้นตลอดปี 2567 (ม.ค. - ธ.ค. 67) เขาจะให้เรายื่นในช่วงต้นปี 2568 ครับ

  • ยื่นแบบกระดาษ (เดินไปที่เขต): 1 มกราคม - 31 มีนาคม 2568 (ใครยังทำอยู่บ้าง!?)
  • ยื่นออนไลน์ (E-filing สุดเจ๋ง): 1 มกราคม - 8 เมษายน 2568 (เขามีเวลาให้เพิ่มนิดหน่อย)

เอาล่ะ! เมื่อ "ใจ" เราพร้อมแล้ว ก็ถึงเวลาเข้าสู่สมการศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนต้องท่องให้ขึ้นใจ!

ล้วงลึก 4 สเต็ป "คำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" ฉบับอ่านจบยื่นเป็นทันที


: สมการ "โคตรพ่อโคตรแม่" ของการคำนวณภาษี (The Holy Formula)

ไม่ว่าคุณจะเป็นมนุษย์เงินเดือน, พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์, YouTuber, หรือนักลงทุน... ทุกคนต้องใช้สมการเดียวกันนี้หมดครับ มันมีแค่ 4 ขั้นตอน จำแค่นี้พอ!

สเต็ปที่ 1: (เงินได้พึงประเมิน) - (ค่าใช้จ่าย) = เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย สเต็ปที่ 2: (เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย) - (ค่าลดหย่อน) = เงินได้สุทธิ สเต็ปที่ 3: (เงินได้สุทธิ) x (อัตราภาษีแบบขั้นบันได) = ภาษีที่ต้องจ่าย (คำนวณ) สเต็ปที่ 4: (ภาษีที่ต้องจ่าย) - (ภาษีหัก ณ ที่จ่าย) = ภาษีที่ต้องจ่ายจริง (หรือได้คืน!)

จบครับ! นี่คือทั้งหมดของ พ.ร.บ.ประมวลรัษฎากร (เวอร์ชั่นย่อสัสๆ) ง่ายไหม?

ปัญหาคือ... ไอ้คำในวงเล็บแต่ละอัน มันคืออะไรกันแน่วะ? นี่แหละครับคือ "เนื้อหา" ที่เราจะมาเจาะลึกกัน ถ้าคุณเข้าใจ 4 ก้อนนี้ คุณก็บรรลุโสดาบันด้านภาษีแล้ว!

ล้วงลึก 4 สเต็ป "คำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" ฉบับอ่านจบยื่นเป็นทันที


: เจาะลึกสเต็ปที่ 1 – "เงินได้พึงประเมิน" และ "ค่าใช้จ่าย"

ขั้นตอนนี้คือการ "ตั้งต้น" ว่าเรามีเงินเข้ารัวๆ เท่าไหร่ และสรรพากรใจดีให้เราหัก "ต้นทุน" ออกไปได้เท่าไหร่

3.1) เงินได้พึงประเมิน (มาตรา 40(1) - 40(8)) – คุณเป็นคนประเภทไหน?

"เงินได้พึงประเมิน" คือชื่อเรียกแบบทางการของ "รายได้รวม" ทั้งปี (ม.ค. - ธ.ค.) ที่ยังไม่หักอะไรเลย กฎหมายไทยแบ่งรายได้เป็น 8 ประเภท หรือที่เรียกกันติดปากว่า "มาตรา 40" วงเล็บ 1 ถึง 8 ทำไมต้องแบ่ง? เพราะแต่ละประเภท หัก "ค่าใช้จ่าย" ได้ไม่เท่ากันครับ!

  • ประเภทที่ 1: 40(1) – มนุษย์เงินเดือน

    • คือ: เงินเดือน, โบนัส, OT, เบี้ยเลี้ยง, ค่าตำแหน่ง
    • ตัวอย่าง: นาย ก. เป็นพนักงานออฟฟิศ ได้เงินเดือน 50,000 บาท โบนัสปลายปี 2 เดือน (100,000 บาท)
    • เงินได้ 40(1) ทั้งปี: (50,000 x 12) + 100,000 = 700,000 บาท
  • ประเภทที่ 2: 40(2) – ชาวรับจ๊อบ/ฟรีแลนซ์ (ที่เน้นแรงกาย)

    • คือ: เงินที่ได้จากการ "รับทำงานให้" ไม่ได้อยู่ในฐานะลูกจ้างประจำ เช่น ค่าที่ปรึกษา, ค่าคอมมิชชั่น, ค่านายหน้า, ค่าเบี้ยประชุม, ค่าจ้างพิธีกร
    • ตัวอย่าง: นางสาว ข. เป็นพนักงานออฟฟิศ (มี 40(1)) แต่รับจ๊อบเป็นพิธีกรงานแต่งวันเสาร์-อาทิตย์ ได้งานละ 5,000 บาท ทั้งปีรับ 10 งาน
    • เงินได้ 40(2) ทั้งปี: 5,000 x 10 = 50,000 บาท (ต้องยื่นรวมกับ 40(1) ด้วยนะ!)
  • ประเภทที่ 3: 40(3) – รายได้จากสินทรัพย์ทางปัญญา

    • คือ: ค่าลิขสิทธิ์ (เช่น แต่งเพลง, เขียนหนังสือ, ขายภาพถ่าย Stock Photo), ค่า Goodwill (ค่าความนิยมของแบรนด์)
    • ตัวอย่าง: นาย ค. เป็นนักเขียนนิยาย ได้รับค่าลิขสิทธิ์จากสำนักพิมพ์ 150,000 บาท
    • เงินได้ 40(3) ทั้งปี: 150,000 บาท
  • ประเภทที่ 4: 40(4) – นักลงทุน (เสือนอนกิน)

    • คือ: "ดอกเบี้ย" (พันธบัตร, หุ้นกู้, เงินฝาก), "เงินปันผล" (จากหุ้น, กองทุน), กำไรจากการขายกองทุน (LTF/RMF ที่ผิดเงื่อนไข)
    • ความพิเศษ: รายได้กลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะโดน "หัก ณ ที่จ่าย" ไปแล้ว (เช่น ดอกเบี้ย 15%, ปันผล 10%) ซึ่งกฎหมายให้สิทธิ์เรา "เลือก" ว่าจะเอามารวมคำนวณภาษี หรือจะปล่อยให้มันจบไปเลย (Final Tax)
    • Trick: ถ้าฐานภาษีเราต่ำกว่า 10% หรือ 15% (เช่น ฐาน 5%) การเอามารวมคำนวณด้วย จะทำให้เราได้เงินคืน!
  • ประเภทที่ 5: 40(5) – ผู้ปล่อยเช่า (เจ้าของตึก)

    • คือ: ค่าเช่าบ้าน, ค่าเช่าคอนโด, ค่าเช่าที่ดิน, ค่าเช่ารถยนต์
    • ตัวอย่าง: ป้า จ. มีคอนโดปล่อยเช่าเดือนละ 8,000 บาท
    • เงินได้ 40(5) ทั้งปี: 8,000 x 12 = 96,000 บาท
  • ประเภทที่ 6: 40(6) – วิชาชีพอิสระ (ตัวท็อปวงการ)

    • คือ: รายได้จาก 6 วิชาชีพเฉพาะทาง ได้แก่ การประกอบโรคศิลปะ (หมอ, ทันตแพทย์), กฎหมาย (ทนาย), วิศวกรรม (วิศวกร), สถาปัตยกรรม (สถาปนิก), การบัญชี (นักบัญชี), และประณีตศิลปกรรม
    • ตัวอย่าง: นายแพทย์ ฉ. เปิดคลินิกส่วนตัว (นอกเวลาโรงพยาบาล) มีรายได้ 1,000,000 บาท
    • เงินได้ 40(6) ทั้งปี: 1,000,000 บาท
  • ประเภทที่ 7: 40(7) – ผู้รับเหมา (สร้างทุกอย่าง)

    • คือ: รับเหมาก่อสร้าง, รับเหมาทำของ ที่ผู้รับเหมาต้อง "ลงทุน" ซื้อของเองเยอะๆ (เช่น ซื้ออิฐ หิน ปูน ทราย เอง)
    • ตัวอย่าง: บริษัท ช. (บุคคลธรรมดา) รับเหมาสร้างบ้าน ได้ค่าจ้าง 2,000,000 บาท
    • เงินได้ 40(7) ทั้งปี: 2,000,000 บาท
  • ประเภทที่ 8: 40(8) – The Rest! (ที่เหลือทั้งหมด)

    • คือ: รายได้อื่นๆ ที่ไม่เข้าพวก 1-7 ทั้งหมด! นี่คือ "บ่อใหญ่" ของอาชีพยุคใหม่
    • ตัวอย่าง: พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ (Shopee, Lazada, TikTok), YouTuber, Influencer, ขายของตลาดนัด, ทำฟาร์ม, นักร้อง/นักแสดง (ที่ไม่ใช่ 40(2)), กำไรจากคริปโต (ที่ยังเป็นประเด็นร้อน!)
    • ตัวอย่าง: น้อง ฌ. ขายเสื้อผ้าออนไลน์ผ่านไลฟ์สด ยอดขายทั้งปี 3,000,000 บาท
    • เงินได้ 40(8) ทั้งปี: 3,000,000 บาท

คุณอาจจะมีรายได้หลายประเภทในคนเดียวก็ได้ (เช่น เป็น 40(1) + 40(5) + 40(8)) ก็ต้องจับมันมารวมกันให้หมดครับ!


3.2) ค่าใช้จ่าย – "ต้นทุน" ที่สรรพากรยอมให้หัก

หลังจากเรารวม "เงินได้" ทั้งปีแล้ว สรรพากรไม่ได้เอาเงินก้อนนั้นมาคิดภาษีทันทีครับ เขาใจดีให้เราหัก "ค่าใช้จ่าย" (ต้นทุน) ออกไปก่อน ซึ่งมี 2 วิธีให้เลือก (แล้วแต่ประเภทเงินได้):

  1. หักแบบเหมา (Percentage Expense): สรรพากรขี้เกียจตรวจบิล! เลยบอกว่า "เออ! เอาไปเลย... หักไปเลย 60%!" (ตัวเลข % แล้วแต่ประเภท) ไม่ต้องมีบิล ไม่ต้องมีหลักฐาน สบายสุดๆ
  2. หักตามจริง (Actual Expense): สำหรับคนที่มีต้นทุนสูงจริงๆ เช่น พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่รับของมาแพง (ต้นทุน 80%) ถ้าใช้ "เหมา 60%" ก็เจ๊งสิครับ! แบบนี้เราเลือก "หักตามจริง" ได้ แต่... คุณต้องมี "หลักฐาน" ทุกเม็ด! (บิลซื้อของ, ใบกำกับภาษี, ค่าขนส่ง ฯลฯ)

ทีนี้มาดูว่า "เหมา" แต่ละประเภท ได้กี่ % (นี่คือจุดที่ต่างกัน!)

  • 40(1) เงินเดือน & 40(2) รับจ๊อบ:

    • หักเหมาได้ 50% ของรายได้ แต่รวมกัน 2 ประเภทนี้ ต้องไม่เกิน 100,000 บาท
    • ตัวอย่าง: นาย ก. เงินเดือน 700,000 บาท (40(1)) + จ๊อบพิธีกร 50,000 บาท (40(2)) = รายได้รวม 750,000 บาท
    • หัก 50% ของ 750,000 = 375,000 บาท... แต่! เพดานคือ 100,000 บาท
    • ดังนั้น นาย ก. หักค่าใช้จ่ายได้แค่ 100,000 บาท ครับ (มนุษย์เงินเดือนจะตันที่ตรงนี้)
  • 40(3) ลิขสิทธิ์:

    • หักเหมาได้ 50% แต่ไม่เกิน 100,000 บาท (หรือเลือกหักตามจริงได้)
  • 40(4) ดอกเบี้ย/ปันผล:

    • หักค่าใช้จ่ายไม่ได้เลย! (0%) เพราะถือเป็นเสือนอนกิน
  • 40(5) ค่าเช่า:

    • หักเหมาได้ตามประเภททรัพย์สิน เช่น บ้าน/ตึก (30%), ที่ดินเกษตร (20%), ที่ดินเปล่า (15%), รถ (30%) (หรือเลือกหักตามจริงได้)
  • 40(6) วิชาชีพอิสระ:

    • กลุ่มหมอ: หักเหมาได้ 60% (หรือตามจริง)
    • กลุ่มอื่น (ทนาย, วิศวกร, บัญชี ฯลฯ): หักเหมาได้ 30% (หรือตามจริง)
  • 40(7) รับเหมา:

    • หักเหมาได้ 60% (หรือตามจริง)
  • 40(8) ที่รักของทุกคน:

    • หักเหมาได้ 60% (สำหรับค้าขายออนไลน์, เกษตร, ร้านอาหาร ฯลฯ) (หรือตามจริง)
    • ข้อยกเว้น: นักแสดงสาธารณะ จะมีขั้นบันได 40-60% แต่เพดาน 600,000 บาท

สรุปสเต็ปที่ 1: (เงินได้) - (ค่าใช้จ่าย) = เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย

  • ตัวอย่างนาย ก. (มนุษย์เงินเดือน):

    • เงินได้: 750,000 บาท (40(1)+40(2))
    • ค่าใช้จ่าย (เหมา 50% max 100k): 100,000 บาท
    • เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย = 750,000 - 100,000 = 650,000 บาท
  • ตัวอย่างน้อง ฌ. (ขายออนไลน์):

    • เงินได้: 3,000,000 บาท (40(8))
    • เลือกหัก "เหมา 60%" (เพราะขี้เกียจเก็บบิล) = 3,000,000 x 60% = 1,800,000 บาท
    • เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย = 3,000,000 - 1,800,000 = 1,200,000 บาท

Part 4: เจาะลึกสเต็ปที่ 2 – "ค่าลดหย่อน" – สมรภูมิแห่งการโกยแต้ม!

นี่คือสเต็ปที่ "สนุก" ที่สุดครับ! "เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย" (ก้อนเมื่อกี้) ยังไม่ใช่เงินที่เราเอาไปคิดภาษีนะ... เราต้องเอามา "ลบ" ด้วย "ค่าลดหย่อน" หรือ "ไอเทมเทพ" ทั้งหลายก่อน ยิ่งหามาลบได้เยอะ เงินได้สุทธิ (ก้อนสุดท้าย) ก็น้อยลง ภาษีก็เสียน้อยลงไงล่ะ!

ค่าลดหย่อนมีเป็นสิบๆ รายการ แต่ Thaiproofai จะสรุป "ตัวท็อป" ที่คนส่วนใหญ่ใช้กัน (อ้างอิงปีภาษี 2567 ที่ยื่นต้นปี 2568)

กลุ่มที่ 1: ไอเทมพื้นฐาน (ติดตัวมาแต่เกิด)

  1. ค่าลดหย่อนส่วนตัว: 60,000 บาท
    • (ทุกคนที่ยื่นภาษี ได้สิทธิ์นี้ทันที ไม่ต้องทำอะไรเลย!)

กลุ่มที่ 2: ไอเทมครอบครัว (ดูแลคนข้างๆ)

  1. ค่าลดหย่อนคู่สมรส: 60,000 บาท
    • (สำหรับคู่สมรสที่ "จดทะเบียน" และคู่สมรส "ไม่มีรายได้" หรือยื่นภาษีรวมกัน)
  2. ค่าลดหย่อนบุตร: คนละ 30,000 บาท
    • (บุตรชอบด้วยกฎหมาย หรือบุตรบุญธรรมก็ได้)
    • ทริคเทพ: ถ้าเป็น "บุตรคนที่ 2 เป็นต้นไป" และเกิดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 จะได้เพิ่มเป็น คนละ 60,000 บาท!
    • เงื่อนไข: ลูกต้องอายุไม่เกิน 20 ปี (หรือ 21-25 ปี ถ้ายังเรียน ปวส./ปริญญาตรี) และมีรายได้ทั้งปีไม่เกิน 30,000 บาท
  3. ค่าฝากครรภ์และคลอดบุตร: ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 60,000 บาท (ต่อท้อง)
  4. ค่าลดหย่อนบิดามารดา (พ่อแม่เรา + พ่อแม่คู่สมรส): คนละ 30,000 บาท
    • เงื่อนไข (สำคัญมาก): ท่านต้องอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีรายได้ทั้งปีไม่เกิน 30,000 บาท และต้องไม่ซ้ำซ้อนกับพี่น้องคนอื่น (ต้องมีหนังสือรับรอง ล.ย.03)

กลุ่มที่ 3: ไอเทมป้องกันความเสี่ยง (ประกันจ๋า)

  1. เงินประกันสังคม: ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 9,000 บาท
    • (ดูจากใบ 50 ทวิ หรือสลิปเงินเดือนได้เลย)
  2. เบี้ยประกันชีวิต (ทั่วไป): ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
    • (ต้องเป็นกรมธรรม์ที่คุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป)
  3. เบี้ยประกันสุขภาพ (ของตัวเอง): ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 25,000 บาท
    • กับดัก: เมื่อรวมกับข้อ 7 (ประกันชีวิต) แล้ว... ห้ามเกิน 100,000 บาท
    • ตัวอย่าง: จ่ายประกันชีวิต 90,000 บาท + ประกันสุขภาพ 30,000 บาท
    • สุขภาพใช้ได้แค่ 25,000 บาท
    • รวมกัน (90,000 + 25,000) = 115,000 บาท... แต่ใช้ได้แค่เพดาน 100,000 บาท
  4. เบี้ยประกันสุขภาพ (ของพ่อแม่): ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท
    • (พ่อแม่ต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทด้วยนะ)

กลุ่มที่ 4: ไอเทมเพื่ออนาคต (การลงทุน)

นี่คือ "ตัวลดภาษี" ที่โหดที่สุด และซับซ้อนที่สุด!

  1. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) / กบข. / กองทุนสงเคราะห์ครู:

    • ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15% ของเงินเดือน และไม่เกิน 500,000 บาท
  2. RMF (กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ):

    • ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30% ของเงินได้ และไม่เกิน 500,000 บาท
    • (ต้องซื้อต่อเนื่องถึงอายุ 55 ปี)
  3. SSF (กองทุนรวมเพื่อการออม):

    • ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30% ของเงินได้ และไม่เกิน 200,000 บาท
    • (ต้องถือไว้ 10 ปี)
  4. Thai ESG (กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน): (ตัวใหม่มาแรง!)

    • ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30% ของเงินได้ และไม่เกิน 100,000 บาท
    • (ต้องถือไว้ 8 ปี)

    !!! The Grand Ceiling Rule – กฎเพดาน 500K !!! ไอเทมกลุ่มลงทุนทั้งหมด (ข้อ 10+11+12+PVD+กบข.+ประกันบำนาญ) เมื่อรวมกันแล้ว ห้ามเกิน 500,000 บาท (ยกเว้น Thai ESG ที่มีเพดานแยก 100,000 บาทของตัวเอง และประกันสังคม 9,000 บาท)

กลุ่มที่ 5: ไอเทมสร้างชาติ (บริจาค & กระตุ้นเศรษฐกิจ)

  1. ดอกเบี้ยกู้บ้าน (ที่อยู่อาศัย): ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
  2. เงินบริจาค (ทั่วไป): ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของ "เงินได้สุทธิหลังหักทุกอย่างแล้ว"
  3. เงินบริจาค (การศึกษา/กีฬา/โรงพยาบาลรัฐ): ได้ลดหย่อน 2 เท่า! (แต่ก็มีเพดาน 10%)
  4. โครงการรัฐ (ปี 2567): Easy E-Receipt
    • ช้อปปิ้งช่วง 1 ม.ค. - 15 ก.พ. 67 ที่ออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์
    • ลดหย่อนตามจริง ไม่เกิน 50,000 บาท

สรุปสเต็ปที่ 2: (เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย) - (ค่าลดหย่อน) = เงินได้สุทธิ

  • กลับมาที่นาย ก. (มนุษย์เงินเดือนโสด):

    • เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย: 650,000 บาท
    • หาไอเทมลดหย่อน:
      • ส่วนตัว: 60,000
      • ประกันสังคม: 9,000
      • ประกันชีวิต (ซื้อไว้): 30,000
      • SSF (ซื้อไว้): 50,000
      • Easy E-Receipt (ช้อปไป): 20,000
    • รวมค่าลดหย่อน = 60,000 + 9,000 + 30,000 + 50,000 + 20,000 = 169,000 บาท
    • เงินได้สุทธิ (นาย ก.) = 650,000 - 169,000 = 481,000 บาท
  • กลับมาที่น้อง ฌ. (ขายออนไลน์โสด):

    • เงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย: 1,200,000 บาท
    • หาไอเทมลดหย่อน:
      • ส่วนตัว: 60,000
      • RMF (ซื้อโหดมาก): 300,000
      • Thai ESG (จัดเต็ม): 100,000
      • ดอกเบี้ยบ้าน (ผ่อนอยู่): 100,000
    • รวมค่าลดหย่อน = 60,000 + 300,000 + 100,000 + 100,000 = 560,000 บาท
    • เงินได้สุทธิ (น้อง ฌ.) = 1,200,000 - 560,000 = 640,000 บาท

: เจาะลึกสเต็ปที่ 3 – "อัตราภาษีขั้นบันได" – บอสใหญ่ด่านสุดท้าย

เราได้ "เงินได้สุทธิ" มาแล้ว! นี่คือ "ก้อนเงิน" ที่จะถูกส่งเข้าไปในเครื่องคิดเลขของสรรพากรจริงๆ เสียที

ประเทศไทยใช้ระบบ "อัตราภาษีก้าวหน้า" หรือ "ขั้นบันได" (Progressive Rate) แปลว่า "ยิ่งรวย (สุทธิ) ยิ่งจ่ายแพง" แต่! เขาไม่ได้เอาเงินก้อนสุทธิของเราไปคูณ % เดียวตูม! เขาจะคิดทีละขั้น... ทีละขั้น...

นี่คือตารางขั้นบันไดที่ต้องจำ:

  • ขั้นที่ 1: 0 - 150,000 บาท ---> ยกเว้นภาษี (0%)
  • ขั้นที่ 2: 150,001 - 300,000 บาท (ส่วนที่เกินมา 150,000) ---> 5%
  • ขั้นที่ 3: 300,001 - 500,000 บาท (ส่วนที่เกินมา 200,000) ---> 10%
  • ขั้นที่ 4: 500,001 - 750,000 บาท (ส่วนที่เกินมา 250,000) ---> 15%
  • ขั้นที่ 5: 750,001 - 1,000,000 บาท (ส่วนที่เกินมา 250,000) ---> 20%
  • ขั้นที่ 6: 1,000,001 - 2,000,000 บาท (ส่วนที่เกินมา 1,000,000) ---> 25%
  • ขั้นที่ 7: 2,000,001 - 5,000,000 บาท (ส่วนที่เกินมา 3,000,000) ---> 30%
  • ขั้นที่ 8: 5,000,001 บาทขึ้นไป ---> 35%

มาคำนวณภาษีของจริงกัน!

  • นาย ก. มีเงินได้สุทธิ 481,000 บาท

    • แปลว่านาย ก. อยู่ใน "ฐานภาษี 10%" ... แต่ไม่ได้แปลว่าเอา 481,000 x 10% นะ!
    • คิดทีละขั้น:
    • ขั้นที่ 1 (0 - 150,000): 150,000 แรก ---> เสีย 0 บาท
    • ขั้นที่ 2 (150,001 - 300,000): ส่วนต่าง 150,000 x 5% ---> เสีย 7,500 บาท
    • ขั้นที่ 3 (300,001 - 481,000): เงินสุทธิของนาย ก. มาจบที่ขั้นนี้
      • ส่วนต่าง (481,000 - 300,000) = 181,000 x 10% ---> เสีย 18,100 บาท
    • รวมภาษีที่ต้องจ่าย (คำนวณ) ของนาย ก. = 0 + 7,500 + 18,100 = 25,600 บาท
  • น้อง ฌ. มีเงินได้สุทธิ 640,000 บาท

    • แปลว่าน้อง ฌ. อยู่ใน "ฐานภาษี 15%"
    • คิดทีละขั้น:
    • ขั้นที่ 1 (0 - 150,000): ---> เสีย 0 บาท
    • ขั้นที่ 2 (150,001 - 300,000): ส่วนต่าง 150,000 x 5% ---> เสีย 7,500 บาท
    • ขั้นที่ 3 (300,001 - 500,000): ส่วนต่าง 200,000 x 10% ---> เสีย 20,000 บาท
    • ขั้นที่ 4 (500,001 - 640,000): เงินสุทธิของน้อง ฌ. มาจบที่ขั้นนี้
      • ส่วนต่าง (640,000 - 500,000) = 140,000 x 15% ---> เสีย 21,000 บาท
    • รวมภาษีที่ต้องจ่าย (คำนวณ) ของน้อง ฌ. = 0 + 7,500 + 20,000 + 21,000 = 48,500 บาท

เหนื่อยไหม? ถ้าเหนื่อย... นี่คือเวลาขายของ! การนั่งไล่ทีละสเต็ปแบบนี้มันปวดหัวใช่ไหมล่ะ? โดยเฉพาะตอนคำนวณขั้นบันไดที่โคตรจะสับสน! ถ้าคุณไม่อยากมานั่งจิ้มเครื่องคิดเลขเองให้วุ่นวาย ลองใช้เครื่องมือของเราสิครับ! คลิกเลย! เครื่องมือคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา แค่กรอกรายได้ และติ๊กๆ ค่าลดหย่อนที่คุณมี... ระบบจะคำนวณ "ภาษีที่ต้องจ่าย" (แบบในสเต็ป 3 นี้) ให้คุณทันทีใน 1 นาที! ง่ายกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!

ล้วงลึก 4 สเต็ป "คำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" ฉบับอ่านจบยื่นเป็นทันที


: เจาะลึกสเต็ปที่ 4 – "หัก ณ ที่จ่าย" – ไคลแม็กซ์สุดท้าย!

เราเดินทางมาถึงสเต็ปสุดท้ายแล้วครับ... เมื่อกี้เราได้ "ภาษีที่ต้องจ่าย (คำนวณ)" มาแล้ว (เช่น นาย ก. 25,600 บาท)

คำถามคือ... เราต้องควักเงิน 25,600 บาท จ่ายเพิ่มเลยไหม? คำตอบคือ: ไม่แน่!

เพราะในระหว่างปี... เราโดน "หักภาษีล่วงหน้า" ไปแล้ว!

  • มนุษย์เงินเดือน: โดนหักจากสลิปเงินเดือนทุกเดือน (นั่นแหละ "หัก ณ ที่จ่าย")
  • ฟรีแลนซ์/รับจ๊อบ (40(2), (3), (5), (6), (8)): เวลาเรารับเงินจากบริษัท เราจะโดน "หัก 3%" (หรือ 5% สำหรับค่าเช่า) และได้ใบ "50 ทวิ" มา

ไอ้เงินที่โดนหักไปล่วงหน้าเนี่ย... มันคือ "เครดิต" ของเราครับ เราจ่ายให้สรรพากรไปก่อนแล้ว!

สเต็ปที่ 4: (ภาษีที่ต้องจ่าย) - (ภาษีหัก ณ ที่จ่าย) = ภาษีที่ต้องจ่ายจริง (หรือได้คืน!)

  • กลับมาที่นาย ก.:

    • ภาษีที่คำนวณได้ (สเต็ป 3): 25,600 บาท
    • ไปเปิดดู "ใบ 50 ทวิ" ที่บริษัทออกให้ (รวมยอดหักภาษีทั้งปี)
    • กรณีที่ 1: บริษัทหักภาษีนาย ก. ไปทั้งปี 30,000 บาท
      • 25,600 - 30,000 = -4,400 บาท (ติดลบ!)
      • ยินดีด้วย! นาย ก. "ได้เงินคืนภาษี" 4,400 บาท! (เพราะจ่ายเกินไป)
    • กรณีที่ 2: บริษัทหักภาษีนาย ก. ไปทั้งปี 20,000 บาท (อาจเพราะโบนัสออกเยอะ แต่หักภาษีน้อย)
      • 25,600 - 20,000 = +5,600 บาท (เป็นบวก!)
      • เสียใจด้วย! นาย ก. ต้อง "จ่ายภาษีเพิ่ม" 5,600 บาท (เพราะจ่ายขาดไป)
  • กลับมาที่น้อง ฌ. (ขายออนไลน์):

    • ภาษีที่คำนวณได้ (สเต็ป 3): 48,500 บาท
    • น้อง ฌ. ขายของให้ลูกค้าบุคคลธรรมดา ไม่เคยโดนหัก 3% เลย
    • ภาษีหัก ณ ที่จ่าย = 0 บาท
    • 48,500 - 0 = +48,500 บาท
    • น้อง ฌ. ต้อง "จ่ายภาษีเพิ่ม" เต็มๆ 48,500 บาท (นี่คือเหตุผลที่ฟรีแลนซ์/พ่อค้าแม่ค้าต้อง "วางแผนภาษี" และเก็บเงินไว้จ่ายก้อนปลายปี)

สรุปวิธีการ (ฉบับท่องจำไปยื่น)

  1. รวบรวมรายได้: ลิสต์รายได้ทั้งปี (ม.ค.-ธ.ค.) แยกตามประเภท 40(1) ถึง 40(8) ให้ชัดเจน
  2. เลือกวิธีหักค่าใช้จ่าย: ดูว่ารายได้เราหัก "เหมา" ได้กี่ % (เช่น 50% max 100k, หรือ 60%) หรือจะหัก "ตามจริง" (ถ้าบิลเยอะกว่า)
  3. หาเงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย: (ข้อ 1) - (ข้อ 2)
  4. รวบรวมค่าลดหย่อน: ลิสต์ทุกอย่างที่ใช้ได้! (ส่วนตัว, พ่อแม่, ลูก, ประกัน, กองทุน, ดอกเบี้ยบ้าน, บริจาค, ช้อปปิ้ง Easy E-Receipt)
  5. หาเงินได้สุทธิ: (ข้อ 3) - (ข้อ 4)
  6. เข้าเครื่องคิดเลข: เอา "เงินได้สุทธิ" (ข้อ 5) ไปเทียบตารางขั้นบันได (0-150k = 0%, 150-300k = 5%, ...) เพื่อหา "ภาษีที่คำนวณได้" (หรือใช้ เครื่องมือคำนวณภาษี ของเรา!)
  7. รวบรวมภาษีหัก ณ ที่จ่าย: ดูจากใบ 50 ทวิ ทั้งหมดที่เรามี
  8. หาผลลัพธ์สุดท้าย: (ข้อ 6) - (ข้อ 7)
    • ถ้าติดลบ = ได้เงินคืน (เย้!)
    • ถ้าเป็นบวก = ต้องจ่ายเพิ่ม (ฮือ!)
  9. เข้าเว็บสรรพากร (efiling.rd.go.th): ล็อกอิน แล้วกรอกตัวเลขตามนี้ ยื่นได้เลย!

ข้อเสนอแนะจากผู้เขียน (Thaiproofai)

ในฐานะที่คลุกคลีกับเรื่องปวดหัวพวกนี้มานาน ผมอยากจะบอกว่า... "ภาษี" ไม่ใช่ "บทลงโทษ" ของคนขยันครับ แต่มันคือ "เกม" ที่มีกติกาชัดเจน

สิ่งที่น่ากลัวกว่าการ "เสียภาษี" คือการ "หนีภาษี" หรือ "ยื่นมั่ว" ครับ ในยุคที่สรรพากรเชื่อมข้อมูลกับทุกธนาคาร ทุกแพลตฟอร์ม (โดยเฉพาะธุรกรรมการเงินที่เข้าเยอะๆ) การที่เราทำตัว "เนียน" คิดว่าเขาไม่รู้... คือความเสี่ยงที่สุดในชีวิต! เบี้ยปรับย้อนหลังมันแพงกว่าค่าภาษีจริงหลายเท่าตัวนัก

ดังนั้น จง "วางแผน" ครับ! อย่ารอให้ถึงเดือนมกราคมแล้วค่อยมาโวยวาย

  • มนุษย์เงินเดือน: วางแผนซื้อ SSF/RMF/ประกัน ตั้งแต่ต้นปี เพื่อคุม "ฐานภาษี" ของตัวเอง
  • ฟรีแลนซ์/พ่อค้าแม่ค้า: คุณคือคนที่ต้องวางแผนหนักที่สุด! เมื่อมีรายได้เข้ามา (เช่น 100,000 บาท) ให้ "กันเงิน" ส่วนหนึ่งไว้เลย (เช่น 5-10%) แยกบัญชีไว้เลยว่า "นี่คือเงินของสรรพากร" ห้ามยุ่ง! ปลายปีจะได้ไม่ช็อค

สุดท้ายนี้ การคำนวณภาษีด้วยตัวเอง (หรือใช้เครื่องมือช่วย) มันคือการ "ทบทวนสุขภาพการเงิน" ที่ดีที่สุดของเรา มันทำให้เรารู้ว่าปีที่ผ่านมาเราหาเงินได้เท่าไหร่ เราออมเงินไปกับอะไรบ้าง (กองทุน, ประกัน) และเราเหลือเท่าไหร่... จงใช้โอกาสนี้ในการวางแผนอนาคตครับ! สู้ๆ นะทุกคน!


อ้างอิง (Reference)

  1. กรมสรรพากร (The Revenue Department):
    • แหล่งข้อมูลทางการที่สุดเกี่ยวกับประเภทเงินได้, ค่าใช้จ่าย, และค่าลดหย่อน
    • https://www.rd.go.th/ (โดยเฉพาะหน้า "การหักค่าใช้จ่าย" และ "รายการลดหย่อนภาษี")
  2. Finnomena - คู่มือลดหย่อนภาษี:
    • แหล่งข้อมูลสรุปค่าลดหย่อนต่างๆ ได้เข้าใจง่าย (เช่น สรุปเงื่อนไข SSF/RMF)
    • https://www.finnomena.com/ (ตัวอย่าง URL ที่ค้นเจอเรื่องการยื่นภาษี)
  3. K-Wealth (ธนาคารกสิกรไทย):
    • บทความให้ความรู้เรื่องการวางแผนภาษี และสรุปภาพรวมภาษีที่อ่านง่าย
    • https://www.kasikornbank.com/th/kwealth
ADVERTISEMENT
1
27

บทความแนะนำ

ประกาศผลสอบท้องถิ่น 2568 เช็คด่วน!
ประกาศผลสอบท้องถิ่น 2568 เช็คด่วน!
2 ธันวาคม 2568

ประกาศผลสอบท้องถิ่น 2568 เช็คด่วน ข่าวการเปิดสอบท้องถิ่นประจำปี 2568 ทั่วประเทศ ประกาศผลสอบท้องถิ่น 2568 เช็คด่วน ขณะนี้ยังไม่ประกาสผล ประกาศผลสอบท้อง...

อ่านต่อ
ประวัติศาสตร์ภาษาไทย ตั้งแต่สมัยโบราณ
ประวัติศาสตร์ภาษาไทย ตั้งแต่สมัยโบราณ
1 ธันวาคม 2568

สวัสดีครับทุกคน! วันนี้ผมจะมาแชร์เรื่องราวที่ผมหลงใหลมาตั้งแต่สมัยเรียนปริญญาตรี จนกระทั่งได้คลุกคลีทำงานด้านภาษาศาสตร์และอนุรักษ์เอกสารโบราณมาเกือบสิ...

อ่านต่อ
Thaiproofai เครื่องมือเช็คคำผิดภาษาไทยที่ทำให้คุณเขียนเหมือนมี "มืออาชีพ"
Thaiproofai เครื่องมือเช็คคำผิดภาษาไทยที่ทำให้คุณเขียนเหมือนมี "มืออาชีพ"
28 พฤศจิกายน 2568

เคยไหม? พิมพ์งานยาวๆ เป็นหน้าๆ เสร็จแล้วส่งอาจารย์หรือส่งเจ้านายไป แล้วดันมีคนจับคำผิดได้แบบน่าอาย! หรือบางทีเราก็มั่นใจว่าพิมพ์ถูกทุกตัวอักษร แต่พอส...

อ่านต่อ
 เทคโนโลยี AI ปี 2026: มันไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่มันคือ “ผู้ร่วมทีม” ตัวจริง!
เทคโนโลยี AI ปี 2026: มันไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่มันคือ “ผู้ร่วมทีม” ตัวจริง!
26 พฤศจิกายน 2568

เคยไหม? นั่งอ่านข่าว AI แล้วรู้สึกว่ามันไกลตัวเหลือเกิน... ขอบอกเลยว่าอีกไม่เกินปี 2026 นี้ AI จะกลายเป็นเหมือน "อากาศ" ที่เราหายใจเข้าไปโดยไม่รู้ตัว!...

อ่านต่อ